กรุวัดท้ายตลาด พิมพ์พุทธกวัก

หนึ่งในยอดพระเบจภาคีเนื้อผงยอดนิยมชุดเล็กตลอดกาลตั้งแต่สมัยก่อนเลยครับ

1.พระวัดพลับ
2.พระปิลันทน์
3.พระวัดท้ายตลาด
4.พระวัดสามปลื้ม (พระวัดรังษี แต่พระหมุนเวียนในตลอดน้อยมากพระวัดสามปลื้มจึงถูกแทนที่เข้ามาครับ)
5.พระกรุวัดเงินคลองเตย


พระวัดท้ายตลาด

มีการพบครั้งแรกที่วัดโมลี(หรือชื่อดังเดิมคือวัดท้ายตลาดเรียกว่ากรุเก่า) และมีการพบที่กรุอื่นๆเช่น กรุวัดตะล่อม วัดนางชี ฯลฯ(เรียกว่ากรุใหม่)

วิธีแยก พระกรุเก่าจะมีเนื้อที่จัดกว่า และมีคราบกรุที่เกาะตามหน้าพระน้อยกว่ากรุใหม่ครับ พระกรุเก่าจะเห็นพุทธลักษณ์และพิมพ์ทรงที่คมชัดเจนกว่ามากครับ ราคาก็แตกต่างกันด้วยครับ




พระวัดท้ายตลาดที่พบครั้งนี้ เป็นพระเนื้อผงผสมผงใบลาน ลักษณะคล้ายกับพระสมเด็จปิลันทน์ มีคราบนวลกรุจับที่ผิวของพระและมีไขขาวจับอยู่ทั่วไป ที่ด้านหลังส่วนมากจะมีรอยประทับเป็นอักขระกดลึกลงไปในเนื้อพระ
ในด้านพุทธคุณดีทางด้านเมตตามหานิยม โภคทรัพย์เป็นเลิศ และทางด้านแคล้วคลาดครับ



วัดโมลีโลกยาราม เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา มีนามเดิมว่า วัดท้ายตลาด ตั้งอยู่ที่หลังพระราชวังเดิม ปากคลองบางกอก ใหญ่ ฝั่งทิศเหนือ กทม. ในแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐาน จึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ พระมหาศรี วัดราชสิทธิ เป็นพระเทพโมลี แล้วให้มาครองวัดนี้ ครั้นต่อมาได้เลื่อนเป็นพระพุทธโฆษาจารย์ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 ทรงเปลี่ยนพระอารามใหม่เป็น "วัดพุทไธศวรรยาวาส" พอถึงแผ่นดินสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระอารามโดยตลอด พร้อมกับพระอารามอื่นๆ อีก และพระราชทานชื่อวัดเสียใหม่เป็น "วัดโมลีโลกยาราม" มาจนทุกวันนี้ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปยังเรียกติดปากกันว่า "วัดท้ายตลาด"

พระกรุเนื้อผงใบลานที่พบในกรุวัดท้ายตลาดนี้ ตามประวัติแล้วเป็นพระที่สร้างได้สร้างบรรจุไว้ในสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประมาณปี พ.ศ.2431ครั้นในปี พ.ศ.2485 คราวกรณีพิพาทอินโดจีน ทางกระทรวงกลาโหม ได้มีหนังสือขอพระเครื่องมายังสำนักนี้ เพื่อมอบให้กับทหารและตำรวจสนาม เช่นเดียวกับที่ขอไปยังสำนักอื่นๆ